วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

แย่แล้ว..แฮมเบอร์ทำพิษ..อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ท่าจะป่วย

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain
วิกฤติการเงินทั่วโลก ดึงอุตฯฮาร์ดดิสก์โตลดลงเหลือไม่ถึง 10% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 14% หวังอานิสงค์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์-ธุรกิจบริการผ่านดาต้าเซ็นเตอร์-กระแสเน็ต บุ๊ค หนุนความต้องการตลาดรวมฟื้นใน 2 ปี

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : นายโจแอล ไวส์ ประธานสมาคมสำหรับอุตสาหกรรมฮาร์ดไดร์ฟทั่วโลก (ไอดีมา) กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤตการเงินอาจส่งผลกระทบยอดซื้อต่อตลาดรวม ทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ลดลงเหลือไม่ถึง 10% ในปี 2552 จากเดิมเคยมีประมาณการณ์ว่าตลาดจะขยายตัวระดับ 14% ต่อเนื่องตลอด 5 ปี ขณะที่ ปีนี้คาดว่าตลาดจะยังอยู่ที่ 565 ล้านยูนิตทั่วโลก

พร้อมกันนี้ คาดว่าจะไม่มีการปรับลดจำนวนพนักงาน ในส่วนของฐานการผลิตที่อยู่ในประเทศไทย แต่จะไม่รับคนเพิ่ม

รายงานข่าว กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทย ถือเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งผู้ผลิตแถวหน้าเข้ามาตั้งโรงงาน ได้แก่ เวสเทิร์น ดิจิตอล, ฮิตาชิ, ซีเกท, ฟูจิตสึ โดยเมื่อปี 2550 มียอดผลิตรวมประมาณ 200 ล้านยูนิต สร้างมูลค่าส่งออก 5 แสนล้านบาท

ด้านนายจอห์น ริดนิ่ง ผู้อำนวยการวิจัย ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ไอดีซี) กล่าวว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมียอดขายฮาร์ดดิสก์ 152 ล้านยูนิต เพิ่มจากไตรมาส 4 ปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ภาวะความมั่นใจกับสถานการณ์อนาคต จะทำให้ยอดเติบโตรวมลดลงหลายไตรมาส และน่าฟื้นกลับมาแข็งแกร่งได้ปี 2553

ทั้งนี้ เขามองว่าแม้ปีหน้าตลาดจะเติบโตไม่ถึง 12-14% อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่ก็น่าจะยังอยู่ที่ประมาณ 10% เนื่องจากฮาร์ดดิกส์จะได้รับผลกระทบน้อยว่าพีซี เพราะมีความต้องการการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลเพิ่มมาก ผู้บริโภคการจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่และวิดิโอมากขึ้น

ขณะเดียวกัน มีแนวโน้มของการเกิดกลุ่มผู้ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่าเป็น "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" ในหลายรูปแบบ และต้องเพิ่มการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการตลาดผู้ใช้องค์กรธุรกิจ จะกระตุ้นให้มีผู้ใช้อุปกรณ์โมบาย เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้บริการมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ "เน็ตบุ๊ค" ที่มีน้ำหนักเบา หน้าจอเล็กกว่า 10 นิ้ว ระดับราคาเฉลี่ย 200 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีทั้งแบบที่ใช้ฮาร์ดดิกส์และเอสเอสดี (Solid State Drive) โดยปัจจุบันมีกลุ่มที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ 65%

ขณะที่ ผลสำรวจความต้องการลงทุนไอทีขององค์กรทั่วโลก พบว่า 40% มีแผนตัดลดงบลงทุน โดยระบุว่าจะตัดลดงบส่วนของพีซี 50% ตามมาด้วยโมบาย ดีไวซ์ และวอยซ์โอเวอร์ไอพี ในสัดส่วนเท่ากันคือ 40% เครื่องแม่ข่าย 30% และมีเพียง 20% ระบุตัดงบด้านสตอเรจ

"วิกฤตที่เกิดขึ้นแตกต่างจากวิกฤติ เอเชียเมื่อปี 2541 และยุคฟองสบู่ดอทคอมในสหรัฐปี 2544 แต่ครั้งนี้ผลที่เกิดขึ้นรวดเร็วกระจายไปทั่วโลก โดยอาจไม่รุนแรงเฉียบพลันเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา" นายริดนิ่งกล่าว

นายจอห์น คิม นักวิเคราะห์ บริษัท เทรนด์ โฟกัส กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทที่รับจ้างทำเอสเอสอี (เอสเอสดี โออีเอ็ม) มีมากกว่า 60 รายทั่วโลก จากตลาดรวมมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับฮาร์ดดิสก์ มีผู้ผลิต 7 รายหลัก รวมมูลค่าตลาด 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ดังนั้น จะเห็นว่าผู้ผลิตเอสเอสดียังมีจำนวนมากเกินไป และเชื่อว่าอนาคตจะเกิดการควบรวมเหมือนอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์

รวมทั้งมีคาดการณ์ว่า การใช้งานเอสเอสดี จะได้รับความนิยมในกลุ่มอุปกรณ์โมบาย ดีไวซ์ โดยปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนการใช้เอสเอสดี 92% และฮาร์ดดิสก์ 7% จากตลาดรวมโมบาย ดีไวซ์ 1.5 พันล้านเครื่อง และคาดว่าปี 2555 ตลาดรวมจะขยับเป็น 2.5 พันล้านเครื่อง โดยมีสัดส่วนที่ใช้เอสเอสดี 91%

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/24/news_305663.php

ไม่มีความคิดเห็น: