วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

จอ 3 มิติ

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain ข่าวไอที DELL ข่าวไอที google hack ข่าวไอที google ล้วงตับ ข่าวไอที microsoft ข่าวไอที จีน ข่าวไอที ฟ้องร้อง ข่าวไอที สมัครงาน ข่าวไอที windows 7 ข่าวไอที windows Vista ข่าวไอที ออก windows 7 ข่าวไอที sipa ข่าวไที japan Xxx ข่าวไอที จอ 3D ข่าวไอที ยี่ปุ่น ถอด ข่าวไอที ไอ้ยุ่น เย็ด

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : พนักงานเอ็นอีซีโชว์ต้นแบบจอแอลซีดี 3 มิติ ขนาด 12.1 นิ้ว ในงานแสดงเทคโนโลยีจอภาพประจำปีในญี่ปุ่น โดยจอดังกล่าวมีจุดเด่นตรงที่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มความหนาแน่นของภาพในแนวนอน เป็น 2 เท่า ช่วยให้การเปลี่ยนมุมมองภาพจาก 2 มิติเป็น 3 มิติทำได้ง่ายขึ้น

แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/30/news_307371.php

ซิป้ายื่นกฤษฎีกาสัปดาห์หน้า ตีความขั้นตอนสรรหา'รุ่งเรือง'

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain ข่าวไอที DELL ข่าวไอที google hack ข่าวไอที google ล้วงตับ ข่าวไอที microsoft ข่าวไอที จีน ข่าวไอที ฟ้องร้อง ข่าวไอที สมัครงาน ข่าวไอที windows 7 ข่าวไอที windows Vista ข่าวไอที ออก windows 7 ข่าวไอที sipa
ประธานบอร์ดซิป้าเรียกประชุมด่วน เล็ง"พึ่ง"กฤษฎีกาตีความขั้นตอนสรรหาผู้อำนวยการ "รุ่งเรือง" หลังไม่ยอมส่งรายงานประกอบการประเมินผลงาน แม้นั่งเก้าอี้มากว่า 9 เดือน อ้างกระบวนการไม่เป็นไปตามมติ ครม.

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (ซิป้า) กล่าวถึงผลการประชุมบอร์ดวาระพิเศษว่า สัปดาห์หน้าจะทำหนังสือหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงการสรรหาผู้อำนวย การซิป้าที่ผ่านมา ว่าถูกต้องหรือไม่ และหากไม่ถูกต้องจะต้องดำเนินการอย่างไร

เนื่องจาก ที่ผ่านมานายรุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ ผอ. ซิป้า ปฎิเสธที่จะทำรายงานผลการทำงานเพื่อใช้การประเมินผลงาน โดยอ้างว่าการประเมินไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ต้องประกาศแจ้งตัวชี้วัด การประเมินผล (เคพีไอ) สรรหาไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

"เราได้หารือไปทางก.พ.ร. แล้ว และได้รับคำตอบกลับมาว่า ซิป้าต้องทำตามมติ ครม. และกฎหมาย ทำให้ซิป้าต้องกลับมาทบทวนกระบวนการสรรหาใหม่ เพื่อนำไปสู่การประเมิน จึงหารือไปยังกฤษฎีกา" นายสมบัติ กล่าว

ทั้งนี้ หากกฤษฎีกา ตีความกลับมาว่ากระบวนการทั้งหมดถูกต้อง นายรุ่งเรืองต้องจัดทำรายงานผลงานส่งบอร์ด หากไม่ถูกต้อง ก็จะดำเนินไปตามข้อเสนอแนะของกฤษฎีกาต่อไป

ขณะเดียวกัน บอร์ดจะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ไปยังคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงานของ ผอ. ซิป้า ว่าให้ดำเนินการประเมินต่อทันที และต้องให้นายรุ่งเรืองรายงานผลการทำงาน

"ขั้นตอนการประเมินผลงาน ล่าช้าจากที่กำหนดไว้สัญญาว่า หลังเข้ารับงานเดือนมกราคม 2551 ต้องประเมินหลังทำงาน 6 เดือน แต่ปัจจุบันล่าช้าไปหลายเดือนแล้ว" นายสมบัติ กล่าว

งบค้างจ่ายเหลือ-ไม่โปร่งใส

นอกจากนี้ ได้ให้ ผอ. ซิป้า แจกแจงรายละเอียดการใช้งบประมาณ 2551 ที่ใช้จ่ายไป 40% เท่านั้น และเมื่อรวมกับงบประมาณใช้สะสมปีที่ผ่านมา ยังเหลือรวม 400 ล้านบาท ซึ่งต้องไปดูโครงการที่ผูกพันที่ยังเหลืออยู่ด้วย

"หลายโครงการที่ ผอ. เสนอมา บอร์ดไม่อนุมัติ เพราะเป็นโครงการที่ไม่เปิดกว้าง จำกัดให้อยู่ไม่กี่คน ซึ่งหากจะทำจริงๆ น่าจะทำทีโออาร์เปิดกว้างให้หลายรายๆ" นายสมบัติ กล่าว

แหล่งข่าวจากซิป้า กล่าวว่า การใช้งานงบประมาณของซิป้ามีปัญหามาก มีงบค้างเก่าถึง 380 ล้านบาท เมื่อบวกกับงบปี 2552 อีก 380 ล้านบาท จึงยังมีงบไม่ได้ใช้รวม 780 ล้านบาท หากงบนี้กระจายลงมาถึงผู้ประกอบการ และใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ก็จะเข้ามาอัดฉีดอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โดยรวมสูงถึง 3-4 พันล้านบาท

รายงานข่าวระบุว่า พบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ซิป้าที่เปิดบัญชีแทนซิป้า แต่นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งบอร์ดได้กำชับให้ตรวจสอบพฤติกรรมการทุจริตให้เข้มงวดขึ้น

"เข้ม" ทริปนอก เหตุบินบ่อย

นายสมบัติ กล่าวว่า บอร์ดยังมีมติงดให้ผู้อำนวยการเดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว ยกเว้นแต่มีเหตุจำเป็นก็สามารถทำหนังสือขออนุมัติเป็นครั้งคราว เนื่องจากต้องการให้ ผอ. ซิป้า ใช้เวลาสะสางภายในองค์กรก่อน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ผอ. ซิป้า ไม่พอใจการทำงานของบอร์ด และอาจนำเรื่องไปร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร (ไอซีที)

ทั้งนี้ หากเรื่องบานปลาย และพบว่ามีการกระที่ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ก็จะให้ทนายความพิจารณาฟ้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาท


"รุ่งเรือง" เมินเสนอรายงานประเมินผล

นายรุ่งเรือง ผู้อำนวยการซิป้า กล่าวว่า ได้จัดทำรายงานผลงานที่ผ่านมาเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เสนอกรรมการประเมินผล เพราะต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ เพื่อให้กรณีของเขาเป็นตัวอย่างที่ต้องให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ โดยเฉพาะการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจและองค์กรมหาชน ที่มีปัญหาระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ที่แต่งตั้งโดยฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำ

"ประเด็นด้านเคพีไอ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่มีรายละเอียดอีกมาก ซึ่งผมต้องการให้ทำตามกฎเกณฑ์สร้างกลไกธรรมาภิบาล" นายรุ่งเรือง กล่าว

พร้อมเสริมว่า สาเหตุที่ยอมรับและเซ็นสัญญาว่าจ้างก่อนหน้านี้ เพราะกรรมการสรรหาฯ ระบุว่า หากไม่เซ็นและรับเคพีไอดังกล่าว ก็จะไม่สามารถเซ็นสัญญาได้

ส่วนกระแสข่าวเขาและทีมใช้จ่ายงบเดิน ทางต่างประเทศบ่อยมาก แต่พันธกิจสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไม่คืบหน้า เขาแจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศได้จัดเก็บเอาท์พุทไว้ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนางสาวนิรชราภา ทองธรรมชาติ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศของซิป้า
แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/30/news_307375.php

'วิสต้า' ถอย 'วินโดว์ส7' กำลังจะมา

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain ข่าวไอที DELL ข่าวไอที google hack ข่าวไอที google ล้วงตับ ข่าวไอที microsoft ข่าวไอที จีน ข่าวไอที ฟ้องร้อง ข่าวไอที สมัครงาน ข่าวไอที windows 7 ข่าวไอที windows Vista ข่าวไอที ออก windows 7

ได้เวลาไมโครซอฟท์ปั้นโอเอส 'วินโดว์ส7' แทนที่แบรนด์วิสต้า

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ :

หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ รายงานว่า ไมโครซอฟท์ เผยโฉมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ "วินโดว์ส 7" ที่พัฒนาให้คล่องตัว และตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งโอเอสล่าสุดนี้ หยุดใช้ชื่อแบรนด์วิสต้าอย่างไม่เป็นทางการ

รายงานข่าว ระบุว่า โอเอสใหม่ใช้ชื่อว่า "วินโดว์ส7" เพื่อแสดงถึงเส้นทางการพัฒนาระบบปฏิบัติการในพีซี ของไมโครซอฟท์ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนารุ่นที่ 7 นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยคาดว่ายักษ์ซอฟต์แวร์จะออกเวอร์ชั่นทดลอง "วินโดว์ส 7" ช่วงต้นปีหน้า

นายสตีเฟน ซินอฟสกี หัวหน้าทีมพัฒนาวินโดว์สเวอร์ชั่นใหม่ ของไมโครซอฟท์ ได้กล่าวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ก่อนเริ่มงานประชุมนักพัฒนาของบริษัท พร้อมยอมรับข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้นกับโอเอสวิสต้า ซึ่งบริษัทได้รับฟัง และกำลังแก้ไขข้อจุดบกพร่องที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ โอเอสรุ่นใหม่ ยังได้รับการพัฒนาทาสก์-บาร์ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงประสิทธิภาพด้านค้นหา และการใช้งานฟังก์ชั่นโฮมเน็ตเวิร์คง่ายขึ้น รวมถึงไฟล์แชริ่ง ทั้งมีกระแสข่าวว่าไมโครซอฟท์ มีแผนจะยกระดับวินโดว์ส7 ให้สามารถใช้ประโยชน์จากหน่วยประมวลผลมัลติคอร์รุ่นใหม่ๆจากอินเทล และเอเอ็มดีได้มากขึ้น

นายซินอฟสกี กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมเผยรายละเอียด เกี่ยวกับความสามารถของโปรแกรมตัวใหม่ที่รองรับการทำงานได้ถึง 256 โปรเซสเซอร์

ทั้งนี้ แผนดังกล่าวเกิดขึ้น หลังยักษ์ซอฟต์แวร์ส่งวิสต้า ออกมาชิมลางตลาดนานเกือบ 2 ปี แต่ยังไม่ได้แรงตอบรับเท่าที่ควร ขณะที่ ผลประกอบการล่าสุด บริษัทมีรายได้จากวินโดว์สเพิ่มขึ้นเพียง 2% โดยยอดขายวินโดว์สในตลาดรวมส่วนใหญ่ เป็นซอฟต์แวร์สำหรับพีซีราคาต่ำ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ทำรายได้ต่ำ และไม่ใช่วิสต้า

พร้อมกันนี้ ไมโครซอฟท์ ยังเตรียมแผนเปิดตัวโปรแกรมออฟฟิศสำหรับการใช้ผ่านเว็บ เพื่อหวังท้าชนกับคู่แข่งทั้งกูเกิล ดอกส์ และโซโห (Zoho) ที่จะรันโปรแกรมใช้งานในออฟฟิศผ่านเว็บ เบราเซอร์

แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/30/news_307372.php

วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

จีนโวยไมโครซอฟท์ล้ำสิทธิส่วนตัว

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain ข่าวไอที DELL ข่าวไอที google hack ข่าวไอที google ล้วงตับ ข่าวไอที microsoft ข่าวไอที จีน ข่าวไอที ฟ้องร้อง ข่าวไอที สมัครงาน
จีนออกอาการ'รมณ์เสีย หลังยักษ์ซอฟต์แวร์เดินเครื่องปราบซอฟต์แวร์ผี งัดกลยุทธ์ก่อกวนเครื่อง-จอดำ กระตุ้นใช้งานของจริง

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า ไมโครซอฟท์ กำลังดำเนินการตามกลยุทธ์ปราบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการส่งโปรแกรมอัพเดทไปยังผู้ใช้คอมพิวเตอร์นับล้านเครื่อง ซึ่งจะมีผลให้หน้าจอเครื่องดำ และก่อกวนผู้ใช้ให้หันมาใช้โปรแกรมวินโดว์สถูกกฎหมาย

ทั้งนี้ แม้จะไม่ได้ขัดขวางการใช้งานเครื่อง แต่โปรแกรมดังกล่าวก็กวนประสาทผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในจีน โดยจะเข้าไปเปลี่ยนหน้าจอที่มีการใช้งานอยู่ให้เป็นสีดำทุกๆ ชั่วโมง

แผนดังกล่าว เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ ในการปราบปรามซอฟต์แวร์เถื่อนทั่วโลก โดยจะส่งโปรแกรมอัพเดทอัตโนมัติไปยังผู้ใช้ระบบปฏิบัติการเอ็กซ์พี ที่เลือกออปชั่นรับซอฟต์แวร์อัพเดทผ่านเวบไซต์

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ยังใช้แผนกระตุ้นผ่านโปรโมชั่นเป็นครั้งคราวในจีน โดยเดือนนี้ (ต.ค.) บริษัทได้จัดโปรโมชั่นลดค่าไลเซ่นโปรแกรมออฟฟิศ สำหรับนักเรียนและการใช้งานในบ้านจาก 102 ดอลลาร์ เหลือต่ำกว่า 30 ดอลลาร์

ไมโครซอฟท์ เผยว่า บริษัทเริ่มใช้กลยุทธ์จอดำตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเตือนผู้ใช้โปรแกรมเอ็กซ์พีทุกราย ให้รับรู้ถึงความจริงจังของบริษัท

อย่างไรก็ตาม หลังเริ่มส่งโปรแกรมอัพเดทให้กับผู้ใช้ทั่วจีนในสัปดาห์นี้ ก็มีเสียงติติงเกิดขึ้น โดยบล็อกเกอร์รายหนึ่ง ส่งจดหมายไปยังไมโครซอฟท์มีใจความระบุว่า "เราไม่ได้คัดค้านนโยบายดังกล่าว แต่ก็ขอต่อต้านการกระทำของบริษัท ที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของผู้ใช้เลย"

ทั้งนี้ ประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดที่มียอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อันดับ 2 ของโลก ได้รับความสนใจจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น โดยเฉพาะหลังงบลงทุนไอทีปรับลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยไมโครซอฟท์ระบุว่า จีน บราซิล รัสเซีย และอินเดีย มีรายได้เติบโตสะสมทั้งปี 54% สูงกว่ารายได้รวมทั่วโลกที่ขยายตัวเพียง 18%

แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/27/news_306234.php

วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เดลล์เปิดร้าน "คอมพิวเตอร์ตามใจฉัน"

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain ข่าวไอที DELL ข่าวไอที google hack ข่าวไอที google ล้วงตับ
ถ้าไปเจอคนแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเหมือนเราเด๊ะ แถมยังไว้ทรงผมเกาหลีเหมือนกัน มันคงกระอักกระอ่วนพิกล

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : ใครก็อยากมีบุคลิกเป็นแบบฉบับของตัวเองทั้งนั้น ไม่เฉพาะแต่เครื่องแต่งตัว ยังรวมถึงสิ่งของเครื่องใช้นานาชนิด

แนวคิดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของขยาย อาณาเขตครอบคลุมไปตั้งแต่เรื่องแต่งรถ แต่งโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ใครต่อใครพากันหาสติกเกอร์แปลกแหวกแนวมา เพื่อสีสันให้โน้ตบุ๊กไม่ดูน่าเบื่อเหมือนก่อน

“พฤติกรรมของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะ เปลี่ยนแปลงไป ต้องการความแตกต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งส่งผลสำคัญมาถึงการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับชีวิตคนในปัจจุบัน” นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้บริหาร บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

เดลล์นำแนวคิดดังกล่าวมาสร้างเป็นหน้า ร้านรับประกอบโน้ตบุ๊กตามสั่ง อิงแนวคิดเดิมที่เปิดให้ลูกค้าสามารถ "กำหนดสเปก" และสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ แต่คราวนี้ขยายช่องทางมาเป็นร้านค้าตัวเป็นๆ ให้ลุกค้าได้เห็นของจริงสั่งจริง

ร้านค้าของเดลล์แห่งแรกจึงเปิดตัวที่ ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต ซึ่งนายอโณทัยบอกว่า นี่แหละคือหนึ่งในยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อเปิดตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของ เดลล์

ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนขาวสะอาดตา มีผลิตภัณฑ์ของเดลล์จัดโชว์ไว้แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก จอแอลซีดี และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่สำคัญคือ มุมพิเศษภายในร้านที่เอาใจคนที่รักในความเป็นตัวเอง

บริเวณเคาน์เตอร์ “ประกอบตามสั่ง” (Built-to-Order : BTO) มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งสามารถเลือกสเปกคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊ก โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตั้งแต่รุ่นที่ต้องการ แรม ระบบปฏิบัติการ การ์ดแสดงผลกราฟิก และยังสามารถประมวลผลราคาให้ดู ช่วยให้สามารถเลือกเพิ่มหรือลดสเปกให้เหมาะสมกับงบประมาณของตน

“เมื่อลูกค้าตกลงปลงใจกับคอมพิวเตอร์ ในแบบของตนเองแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วกลับบ้านไปรอ ทางร้านจะส่งสเปกไปยังโรงงานของเดลล์ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซียให้ผลิตคอมพิวเตอร์ตามสเปก และส่งกลับมายังไทยภายใน 7 วัน ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะรอรับของอยู่ที่บ้านหรือจะเลือกมารับเองที่ ร้าน” นายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจคอมซูเมอร์ ของเดลล์ อธิบาย

ฟังมาถึงตอนนี้ ก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า มันต่างจากไปสั่งประกอบตามร้านอื่นตรงไหน แล้วร้านที่ห้างพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า รับประกอบเครื่องมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว สั่งปุ๊บไปเดินซื้อซีดีเพลง ภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณตำรวจช่วยไปดูหน่อย รอสักครึ่งชั่วโมงก็ได้คอมพิวเตอร์กลับไปใช้งานที่บ้านได้ชิลๆ ไม่ต้องรอเป็นอาทิตย์

พอจะเข้าใจได้ว่า ที่แตกต่างคือมันเป็นคอมพิวเตอร์ของเดลล์ แบรนด์ระดับโลกที่การันตีในแง่ของคุณภาพของชิ้นส่วนที่ใช้งาน การประกอบที่ได้มาตรฐานมาเลเซีย และยังเรื่องของซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

เอาเข้าจริง การเปิดหน้าร้านของเดลล์ให้เป็นเรื่องเป็นราวตามห้างใหญ่ๆ น่าจะเป็นเพียง "การสร้างความตระหนักรู้ในแบรนด์" มากกว่าเรื่องแนวคิดประกอบตามสั่งที่ไม่ได้ใหม่อะไร เดลล์อาจจะคิดว่าถ้ามัวเป็นเสือซุ่มรอให้ลูกค้าสั่งผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง เดียว อีกหน่อยคงโดนแบรนด์อื่น อย่างเอเซอร์ เอชพี และเลอโนโว ครองตลาดผู้บริโภคไปหมด

และก็เป็นจริงอย่างที่คิดเมื่ออโณทัย เปรยให้ฟังว่า “หน้าร้านของเดลล์จะสร้างการรับรู้ในความเป็นเดลล์ ให้ผู้บริโภครู้จักมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน คอมพิวเตอร์ประกอบตามสั่งก็จะเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า นอกเหนือจากนั้น ยังคงเป็นบริการหลังการขายที่ให้บริการถึงที่ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ลูกค้าให้ความสำคัญของเดลล์

ปีนี้ เดลล์จึงตั้งเป้าเปิดหน้าร้านให้ได้ 10 ร้าน โดย 5 แห่งอยู่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ เซียร์ รังสิต พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า (2 ร้าน) ไอทีมอลล์ ฟอร์จูน และไอทีสแควร์ หลักสี่ ส่วนอีก 5 ร้านจะทยอยเปิดในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ในบริเวณหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ และในปี 2552 ก็จะเปิดเพิ่มอีก 40 แห่งทั่วประเทศ
แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/26/news_306349.php

แค่เคาะแป้นคีย์บอร์ดก็เสี่ยงถูกล้วงตับแล้ว

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain
คนมันคิดจะโกงซะอย่าง มันก็หาวิธี และเครื่องมือล้วงข้อมูลลับของคนอื่นจนได้น่า

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : เพียงแค่พิมพ์งาน เล่นเน็ต หรือเล่นเกม คุณก็เสี่ยงถูกล้วงความลับเสียแล้ว เมื่อนักวิจัยจากสวิสเซอร์แลนด์ พบว่า อาชญากรออนไลน์เริ่มหาทางขโมยข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องถอดอะไรให้วุ่นวาย แค่มีเครื่องจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อแป้นคอมพิวเตอร์ถูกเคาะก็ล้วงรหัส ลับบัตรเครดิต หรือพาสเวิร์ดได้แล้ว

มาร์ติน โวน็อกซ์ และซิลเวน ปาซินี่ นักศึกษาปริญญาเอกจากห้องปฏิบัติการรหัสและความปลอดภัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งโลซาน สหพันธรัฐสวิส ทำการทดสอบแป้นพิมพ์ที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกัน 11 แบบ รวมถึงแป้นพิมพ์ของโน๊ตบุ๊ก โดยใช้โปรแกรมเจาะระบบข้อมูลที่พัฒนาขึ้นเอง 4 แบบ และพบว่า แป้นพิมพ์ทุกแบบเสี่ยงที่จะถูกเจาะข้อมูล ด้วยโดยโปรแกรมที่เขาคิดขึ้นอย่างน้อย 1 โปรแกรม ซึ่งหนึ่งใน 4 โปรแกรมสามารถล้วงข้อมูลได้ไกลถึง 20 เมตร

ในการทดสอบ นักวิจัยใช้เสาอากาศรับคลื่นวิทยุจับรังสีคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าแผ่ออกมาเมื่อแป้นพิมพ์ถูกกด

"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การเจาะระบบที่เราทำขึ้นนั้น สามารถพิสูจน์ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง" นักศึกษาปริญญา เอกกล่าว

อย่างไรก็ดี รายละเอียดงานวิจัยในครั้งนี้ยังมีให้เห็นน้อย เนื่องจากการทดสอบยังคงทำโดยการเชื่อมต่อแป้นพิมพ์กับโน๊ตบุ๊คที่ใช้พลังงาน จาก แบตเตอรี่ และไม่ได้ทดสอบเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์พีซีหรือการต่อเข้ากับจอแอลซีดี ซึ่งอาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการจับคลื่นสัญญาณลดลง
แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/26/news_306347.php

วันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ไมโครซอฟท์กำไรเพิ่ม 2% บอกความนิยมเน็ตบุ๊กทำวิสต้าไม่โต

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศตัวเลขกำไรไตรมาสเดือนกรกฎาคม-กันยายนกำไรเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ ผลจากลูกค้าองค์กรซื้อไลเซนส์แอปพลิเคชันสำหรับเซิร์ฟเวอร์ใหม่และแคมเปญ ใหม่อื่นๆ ยอมรับว่าความนิยมของเน็ตบุ๊กทำให้ตลาดของ Windows Vista ไม่เติบโตอย่างที่หวังไว้

กำไรของไมโครซอฟท์ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่ารวม 4.37 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 48 เซ็นต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 4.29 พันล้านเหรียญหรือ 45 เซ็นต์ต่อหุ้นที่ทำได้ในปีที่แล้ว ดีกว่าที่นักวิเคราะห์พยากรณ์ไว้ 47 เซ็นต์ต่อหุ้น

ยอด ขายของไมโครซอฟท์ในนั้นเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์เป็น 15,100 ล้านเหรียญ โดยคาดว่าไตรมาสปัจจุบันจะทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าไตรมาสก่อนหน้า กลุ่มที่ไมโครซอฟท์เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบที่สุดคือกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและ เล็กหรือ SMB ซึ่งวางแผนการลงทุนในระยะสั้นเดือนต่อเดือน

ไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลว่า รายได้จากธุรกิจซึ่งทำสัญญาข้ามปีนั้นเพิ่มขึ้นราว 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รายได้จากธุรกิจซอฟต์แวร์สำหรับเครื่อง เซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์เพิ่มผลิตผลองค์กรของไมโครซอฟท์เติบโตขึ้น โดยกำไรในส่วนธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์เป็น 1.2 พันล้านเหรียญ

กำไรในส่วนผลิตภัณฑ์ Office นั้นเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 3.3 พันล้านเหรียญ ขณะที่ระบบปฏิบัติการ Windows กลับลดลง 4 เปอร์เซ็นต์เหลือ 3.3 พันล้านเหรียญเช่นกัน จุดนี้ไมโครซอฟท์ระบุว่าเป็นผลจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น

ไมโครซอฟท์ ยังบอกด้วยว่ากระแสผู้บริโภคนิยมเน็ตบุ๊ก หรือโน้ตบุ๊กตัวเล็กราคาประหยัดสมคุณภาพ ทำให้ตลาดของ Windows Vista ไม่เติบโตอย่างที่ไมโครซอฟท์หวังไว้ เนื่องจากเงื่อนไขด้านราคาและประสิทธิภาพเครื่องที่ไม่แรงพอสำหรับ Vista โดยรายได้จากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีอย่าง Dell และ Hewlett-Packard นั้นลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ เพราะบริษัทเหล่านี้ซื้อไลเซนส์จากไมโครซอฟท์ในสัดส่วนที่น้อยลง จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่า ไมโครซอฟท์จะต้องออกมาลดราคา Vista ลงในอนาคตเพื่อเอาใจผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซี

ธุรกิจออนไลน์ของไมโครซอฟท์นั้นขาดทุนมากที่สุด 480 ล้านเหรียญ จากปีที่แล้วที่ขาดทุนไป 270 ล้านเหรียญ เหตุเพราะไมโครซอฟท์ทุ่มเงินลงทุนไปกับธุรกิจนี้มาก อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจโฆษณาออนไลน์ในไตรมาสนี้ของไมโครซอฟท์นั้นดีขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไมโครซอฟท์คุยว่ามีรายได้จากธุรกิจนี้มากกว่ายาฮูแล้วในขณะนี้

ไตรมาสเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ไมโครซอฟท์คาดว่าจะทำกำไร 51-53 เซ็นต์ต่อหุ้น บนยอดขาย 17,300-17,800 ล้านเหรียญ ต่ำกว่านักวิเคราะห์ที่คาดว่าไมโครซอฟท์จะทำได้ 55 เซ็นต์ต่อหุ้น ยอดขายรวม 18,000 ล้านเหรียญ

Company Related Links :
Microsoft

แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9510000126533

"พันทิป" เคลียร์กระทู้หมิ่นเบื้องสูง

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain
"พันทิป" รับลูกก.ไอซีที ระดมทีมงานลบกระทู้หมิ่นเบื้องสูง เผยช่วงการเมืองร้อนจำนวนกระทู้ประเภทนี้ยิ่งเพิ่ม ระบุเว็บพร้อมรับความเห็นที่ไม่ตรงกันของทุกฝ่าย แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฏหมายไทย

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้บริหารเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (pantip.com) กล่าวว่า ขณะที่อุณหภูมิการเมืองไทยร้อนแรง กระแสการแสดงความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะตามเว็บบอร์ดการเมือง โดยเฉพาะ "ห้องราชดำเนิน" มีจำนวนคนเข้ามาแสดงความเห็นเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว

จากจำนวนดังกล่าวมีบางกระทู้ที่มี ลักษณะหมิ่นสถาบันเกิดขึ้นมากผิดปกติ ทำให้เว็บต้องระดมทีมงานดูแล และตรวจสอบกระทู้ที่มีลักษณะดังกล่าว และจัดการลบออก รวมทั้งตรวจสอบสมาชิกที่มีพฤติกรรมตั้งกระทู้ที่มีเนื้อหาลักษณะนี้ หากตรวจพบจะระงับการเป็นสมาชิกทันที

"เฉพาะช่วงการเมืองแรงๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีกระทู้หมิ่นเกิดขึ้นเยอะ ซึ่งทางทีมงานของเราต้องดูแล และตรวจสอบเป็นพิเศษ ซึ่งเราทำโดยเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้ไอซีทีสั่ง เพราะทางเว็บจะมีทีมงานที่คอยประสานงานกับไอซีทีตลอดเวลาอยู่แล้ว"

นายวันฉัตร กล่าวด้วยว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันคงไม่ร้ายแรงเหมือนช่วงรัฐประหารที่ทางเว็บต้อง ปิดห้องราชดำเนินชั่วคราว เพราะทีมงานได้ตรวจสอบกระทู้อยู่ตลอด และเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่าย ก็แสดงความคิดเห็นแตกต่างกันได้ และเป็นสิทธิของการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย

นายวรพจน์ หิรัญประดิษฐกุล ผู้ดูแลเว็บบอร์ดพันทิปดอทคอม กล่าวว่า การใช้เว็บบอร์ดเพื่อจุดกระแสเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการเมืองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว จะมากจะน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของบ้านเมือง โดยสถานการณ์ช่วงนี้ยังถือว่าอยู่ระดับที่เป็นการแสดงความเห็นตามเสรีภาพที่ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อคนได้เสพข่าวตามสื่อต่างๆ ก็ต้องอยากที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมได้

ปัจจุบันพันทิปดอทคอมมี "สมาชิก" ที่ต้องล็อกอินภายในเว็บได้เกินกว่า 1 แสนล็อกอิน มีจำนวนเพจวิวต่อวันโดยเฉพาะหน้ากระทู้มากกว่า 3 แสนเพจวิว และมีจำนวนคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้ต่างๆ มากกว่า 1 แสนคนต่อวัน
แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/25/news_306226.php

วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

สอบพบ ข่าว"จ็อบส์หัวใจวาย"ฝีมือเด็กอายุ18

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain
เว็บไซต์ข่าว Bloomberg.com รายงานผลสอบสวนกรณีมีบทความหลอกลวงว่าซีอีโอสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ของแอปเปิลหัวใจวาย ปรากฎในเว็บไซต์ iReport ของ CNN สรุปแล้วข่าวนี้เป็นผลงานของวัยรุ่นอายุ 18 ปี และการสอบสวนยังไม่พบความพยายามใช้ประโยชน์จากมูลค่าหุ้นแอปเปิลที่ชะลอตัว ลงทันทีที่ข่าวลวงแพร่กระจายไป

เว็บไซต์ iReport ของ CNN เป็นเว็บไซต์รวมข่าวจากผู้อ่านทางบ้าน (user generated) ซึ่งถูกเรียกว่านักข่าวประชาชน (citizen-journalist) เหตุทั้งหมดบานปลายออกไปเมื่อมีผู้นำข่าวนี้ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ตรวจ สอบข้อเท็จจริงเสียก่อน

ทีม สอบสวนยังคงปิดบังชื่อผู้ต้องหา ขณะที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ประกาศชัดเจนว่าหากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อหาประโยชน์ ในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ต้องหาจะมีความผิดทางอาญาทันที

แอปเปิลนั้นถูกดึงให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับรายงานทุกชิ้นที่พูดถึง สุขภาพของสตีฟ จ็อบส์ซึ่งมีมาตลอดปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสุขภาพของจ็อบส์ที่ไม่มั่นคง ย่อมหมายถึงสุขภาพของแอปเปิลที่ไม่มั่นคงในสายตาของนักลงทุนในวอลล์สตรี ทด้วย

ข่าว ลวงที่ว่าจ็อบส์หัวใจวายทำให้มูลค่าหุ้นแอปเปิลลดลงราว 5.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อสาธารณชนทราบว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเท็จ มูลค่าหุ้นก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจนไปปิดตัวที่ตัวเลขลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ จุดนี้คณะกรรมการ SEC บอกว่าโดยสถิติแล้ว การปล่อยข่าวลือลวงคือต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดความผันผวนมากที่สุดในตลาด หลักทรัพย์นับตั้งแต่ปี 1932

สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิลในปี 1976 ซึ่งมีอายุ 53 ปีในขณะนี้ ได้ผ่านการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งตับอ่อนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นั้นยืนยันตลอดว่าตัวเองหายขาดจากโรคมะเร็งแล้ว และการที่น้ำหนักลดลงต่อเนื่องเป็นผลข้างเคียงจากการผ่าตัด

ประชาสัมพันธ์ของทั้ง SEC และแอปเปิลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆกับข่าวที่เกิดขึ้น ขณะที่ประชาสัมพันธ์ของ CNN นาม Jennifer Martin บอกเพียงว่าการโพสต์ข่าวใน iReport นั้นเปิดกว้างเต็มที่โดยผู้โพสต์ไม่ต้องเปิดเผยอายุหรือตัวตน

สำหรับ กรณีที่เกิดขึ้น Martin บอกว่า CNN ยังไม่มีแผนจะปรับเปลี่ยนนโยบายการโพสต์ข่าวบน iReport ในขณะนี้ ทั้งนโยบาย"ไม่แก้ไขและไม่กรอง" ซึ่ง CNN บอกชัดเจนบนเว็บไซต์ว่าไม่มีการรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาหรือข้อเขียน ที่ผู้อ่านสร้างขึ้น โดย iReport นั้นเริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2006 ในฐานะส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ CNN.com ก่อนจะแยกตัวออกมาเป็นเว็บไซต์ต่างหากในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผู้โพสต์ข่าวลวงนี้ใช้นามแฝงว่า "Johntw" บอกว่าจ็อบส์ถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพราะอาการหัวใจวาย อ้างด้วยว่าได้ข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่เชื่อถือได้ จนทำให้นักเขียนบล็อกนาม Henry Blodget อดีตนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของบริษัท Merrill Lynch & Co. ให้ความสนใจกับข่าวนี้จนนำไปโพสต์ในเว็บไซต์ Silicon Alley Insider ของเขา ข่าวลวงจึงแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว

นี่ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ดีในการบริโภคข่าว โดยเฉพาะการรับข้อมูลจากเว็บไซต์ user generate ที่ดูน่าเชื่อถือ ที่ชาวไซเบอร์ไม่ควรมองข้าม

Company Related Links :
APPLE
iReport
แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9510000126266

ไอซีทีเฝ้าระวังเว็บหมิ่น คาดตั้งศูนย์ดูแล สกัดกั้น

วันนี้(24 ต.ค.) นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่ากระทรวงไอซีทีได้ติดตามเฝ้าระวังและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ เผยแพร่ข้อความ ภาพ คลิป และเสียงที่ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยขออำนาจศาลให้มีการพิจารณาเพื่อระงับการเผยแพร่ซึ่งข้อมูลตาม URL (Uniform Resource Locator) ต่างๆ แล้วประมาณ 1,537 URL

นายมั่น กล่าวถึงปัญหาที่ต้องประสบในขณะดำเนินการคือ การที่เว็บไซต์เหล่านี้จดทะเบียนจากต่างประเทศ การดำเนินการต่างๆ จึงมีความยุ่งยาก ทำได้เพียงให้มีการระงับการเข้าถึงจากในประเทศไทยเท่านั้น โดยในวันที่ 29 ต.ค.นี้ กระทรวงไอซีทีจะได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักข่าวกรองแห่ง ชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กสท. ทีโอที และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้อาจมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อควบคุมดูแลและสกัดกั้นเว็บไซต์ที่ ไม่เหมาะสม หรือการพัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้ในการตรวจสอบการเผยแพร่ข้อความ ภาพ คลิป และเสียงที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น.

แหล่งที่มา : http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=180636&NewsType=1&Template=1

แย่แล้ว..แฮมเบอร์ทำพิษ..อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ท่าจะป่วย

ข่าวไอที ข่าวไอที harddisk ข่าวไอที กูเกิล ข่าวไอที อ่านข่าว ข่าวไอที อัพโหลด ฟรี ข่าวไอที โหลดmp3 ข่าวไอที crack ข่าวไอที โหลดไฟล์ ฟรี ข่าวไอที อัพเดท ข่าวไอที หนังโป๊ ข่าวไอที คลิป เด็ด ข่าวไอที คลิป อ้น ข่าวไอที ทักษิณ ข่าวไอที โหลดบิท ข่าวไอที bittorrent ข่าวไอที bit ข่าวไอที election 2008 hot ข่าวไอที hot ข่าวไอที debates ข่าวไอที diabates ข่าวไอที dowjon ข่าวไอที duocore ข่าวไอที IT coolgang ข่าวไอที แบไต๋ ข่าวไอที แจกโฮส ฟรี ข่าวไิอที แจกโฮสติ้ง ข่าวไอที แจก โฮส ข่าวไอที แจกโดเมน ข่าวไอที โฮส+โดเมน ข่าวไอที free hosting ข่าวไอที free domain
วิกฤติการเงินทั่วโลก ดึงอุตฯฮาร์ดดิสก์โตลดลงเหลือไม่ถึง 10% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 14% หวังอานิสงค์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์-ธุรกิจบริการผ่านดาต้าเซ็นเตอร์-กระแสเน็ต บุ๊ค หนุนความต้องการตลาดรวมฟื้นใน 2 ปี

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : นายโจแอล ไวส์ ประธานสมาคมสำหรับอุตสาหกรรมฮาร์ดไดร์ฟทั่วโลก (ไอดีมา) กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤตการเงินอาจส่งผลกระทบยอดซื้อต่อตลาดรวม ทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ลดลงเหลือไม่ถึง 10% ในปี 2552 จากเดิมเคยมีประมาณการณ์ว่าตลาดจะขยายตัวระดับ 14% ต่อเนื่องตลอด 5 ปี ขณะที่ ปีนี้คาดว่าตลาดจะยังอยู่ที่ 565 ล้านยูนิตทั่วโลก

พร้อมกันนี้ คาดว่าจะไม่มีการปรับลดจำนวนพนักงาน ในส่วนของฐานการผลิตที่อยู่ในประเทศไทย แต่จะไม่รับคนเพิ่ม

รายงานข่าว กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทย ถือเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งผู้ผลิตแถวหน้าเข้ามาตั้งโรงงาน ได้แก่ เวสเทิร์น ดิจิตอล, ฮิตาชิ, ซีเกท, ฟูจิตสึ โดยเมื่อปี 2550 มียอดผลิตรวมประมาณ 200 ล้านยูนิต สร้างมูลค่าส่งออก 5 แสนล้านบาท

ด้านนายจอห์น ริดนิ่ง ผู้อำนวยการวิจัย ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ไอดีซี) กล่าวว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมียอดขายฮาร์ดดิสก์ 152 ล้านยูนิต เพิ่มจากไตรมาส 4 ปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ภาวะความมั่นใจกับสถานการณ์อนาคต จะทำให้ยอดเติบโตรวมลดลงหลายไตรมาส และน่าฟื้นกลับมาแข็งแกร่งได้ปี 2553

ทั้งนี้ เขามองว่าแม้ปีหน้าตลาดจะเติบโตไม่ถึง 12-14% อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่ก็น่าจะยังอยู่ที่ประมาณ 10% เนื่องจากฮาร์ดดิกส์จะได้รับผลกระทบน้อยว่าพีซี เพราะมีความต้องการการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลเพิ่มมาก ผู้บริโภคการจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่และวิดิโอมากขึ้น

ขณะเดียวกัน มีแนวโน้มของการเกิดกลุ่มผู้ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่าเป็น "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" ในหลายรูปแบบ และต้องเพิ่มการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการตลาดผู้ใช้องค์กรธุรกิจ จะกระตุ้นให้มีผู้ใช้อุปกรณ์โมบาย เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้บริการมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ "เน็ตบุ๊ค" ที่มีน้ำหนักเบา หน้าจอเล็กกว่า 10 นิ้ว ระดับราคาเฉลี่ย 200 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีทั้งแบบที่ใช้ฮาร์ดดิกส์และเอสเอสดี (Solid State Drive) โดยปัจจุบันมีกลุ่มที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ 65%

ขณะที่ ผลสำรวจความต้องการลงทุนไอทีขององค์กรทั่วโลก พบว่า 40% มีแผนตัดลดงบลงทุน โดยระบุว่าจะตัดลดงบส่วนของพีซี 50% ตามมาด้วยโมบาย ดีไวซ์ และวอยซ์โอเวอร์ไอพี ในสัดส่วนเท่ากันคือ 40% เครื่องแม่ข่าย 30% และมีเพียง 20% ระบุตัดงบด้านสตอเรจ

"วิกฤตที่เกิดขึ้นแตกต่างจากวิกฤติ เอเชียเมื่อปี 2541 และยุคฟองสบู่ดอทคอมในสหรัฐปี 2544 แต่ครั้งนี้ผลที่เกิดขึ้นรวดเร็วกระจายไปทั่วโลก โดยอาจไม่รุนแรงเฉียบพลันเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา" นายริดนิ่งกล่าว

นายจอห์น คิม นักวิเคราะห์ บริษัท เทรนด์ โฟกัส กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทที่รับจ้างทำเอสเอสอี (เอสเอสดี โออีเอ็ม) มีมากกว่า 60 รายทั่วโลก จากตลาดรวมมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับฮาร์ดดิสก์ มีผู้ผลิต 7 รายหลัก รวมมูลค่าตลาด 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ดังนั้น จะเห็นว่าผู้ผลิตเอสเอสดียังมีจำนวนมากเกินไป และเชื่อว่าอนาคตจะเกิดการควบรวมเหมือนอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์

รวมทั้งมีคาดการณ์ว่า การใช้งานเอสเอสดี จะได้รับความนิยมในกลุ่มอุปกรณ์โมบาย ดีไวซ์ โดยปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนการใช้เอสเอสดี 92% และฮาร์ดดิสก์ 7% จากตลาดรวมโมบาย ดีไวซ์ 1.5 พันล้านเครื่อง และคาดว่าปี 2555 ตลาดรวมจะขยับเป็น 2.5 พันล้านเครื่อง โดยมีสัดส่วนที่ใช้เอสเอสดี 91%

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/24/news_305663.php